นับว่าเป็นกระแสที่ร้อนแรงเพียงข้ามคืนกันเลยทีเดียว สำหรับประเด็นทีมไทบ้านสตูดิโอดำเนินเรื่องยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ลักลอบฉายภาพยนตร์ กลางแปลง เรื่อง “สัปเหร่อ” โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นประเด็นร้อนในหลายมุมมองบนโซเชียลที่ทำให้เกิดการวิจารณ์แบบร้อนฉ่าในมุมของนักลงทุนคนทำหนังสร้างภาพยนตร์และทีมใจบุญทุนคนอื่นเกิดการวิพากย์วิจารณ์ขึ้นอย่างถาโถมในโซเชียลมีเดียวอย่างร้อนแรง
ทางไทบ้านโพสต์ผ่านเพจเฟสบุ๊ค Thibaan Channel ฝากไปถึงหน่วยฉายที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเราจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด หากท่านให้ความร่วมมือเรื่องข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรูปคดีเราพร้อมให้ความเป็นธรรมกับท่าน ทางไทบ้านขอยืนยันว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และผิดกฎหมาย เราใช้วิจารณญาณอย่างรอบครอบในการดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ และเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงหนังของเราได้อย่างทั่วถึงไม่ว่าจะเป็นทางโรงภาพยนตร์หนังกลางแปลง โทรทัศน์ หรือทางออนไลน์ ในกรณีที่เราดำเนินคดีทางไทบ้านชี้แจ้งเป็นการนำภาพยนตร์ ที่ได้จากการลักลอบคัดลอกในโรงภาพยนตร์ ออกเผยแพร่เพื่อการค้า และยังนำออกให้เช่าเพื่อหากำไรทางการค้า ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายต่อบริษัท และไม่ยำเกรงต่อกฎหมายในนามบริษัทไทบ้าน สตูดิโอ จำกัด ขอเรียนให้ทราบว่า เราจะเริ่มดำเนินคดีกับผู้ที่นำหนังออกให้เช่า หรือทำให้เกิดความเสียหายทางการค้าในวงกว้าง หากท่านมีหลักฐาน หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ตัวแทนไทบ้านสตูดิโออย่างคุณศุภณัฐ นามวงศ์ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ไทบ้านเดอะซีรีส์และสัปเหร่อ ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวถึงเหตุผลที่ได้การดำเนินคดี โดยระบุผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า
” หนังทุกเรื่องของไทบ้านที่ผ่านมา 7 เรื่อง มีการขายสิทธิ์หนังกลางแปลงตลอดเป็นปกติ สัปเหร่อ ภาพยนตร์ลำดับที่8 ของไทบ้าน เราก็กำลังจะมีการขายสิทธิ์หนังกลางแปลงเหมือนกัน แต่ตามกติกาหนังต้องออกจากโรงภาพยนตร์ก่อนตามปกติ แต่ในระหว่างที่หนังยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ ก็มีหน่วยหนังกลางแปลง บางหน่วย ลักลอกฉาย จากไฟล์ที่แอบถ่ายมาจากในโรง และไปฉายกลางแปลง โดยการเรียกเก็บเงินค่าเข้าชม ก็เหมือนกับเอาของคนอื่นสร้างไปหาประโชยน์เกิดกำไรให้เป็นของตน ก็ไม่ต่างอะไรกับขโมย โจร ที่ขโมยของคนอื่นมาขาย ผมไม่อาจเห็นความต่ำทรามของบุคคลที่มีพฤติกรรมไร้ยางอาย ไม่เกรงกลัวกฎหมาย หรือไร้ซึ่งสำนึกต่อการกระทำผิดต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นอุปสรรค์สำคัญต่อการพัฒนาวงการภาพยนตร์ให้เป็นที่ยอมรับต่อตลาดโลก ผมขอสาบานตน ถึงแม้คดีความจะใช้เวลานานแสนนานเพียงใด ผมขอต่อสู้ตลอดชั่วชีวิตในการนำผู้กระทำผิดแท้จริงได้รับโทษตามกฎหมาย ”
โดยโพสต์ดังกล่าว ทำให้คนในวงการและแฟนคลับ เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจในมุมมองคนทำหนังอย่างมาก หากท่านมีหลักฐาน หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี สามารถส่งขอมูลมาที่เพจ Thibaan Channel ได้เลยนะคะ
บทความใหม่
